วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

วิตามิน

วิตามินสำหรับร่างกายมีหลายประเภทแต่ละประเภทก็ให้ประโยชน์แตกต่างกันไป
   วิตามิน เป็นช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ง่ายแล้วและระบบการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ สำหรับประโยชน์ที่ ร่างกายจะได้รับในด้านบำรุงผิวพรรณ ความสวยงามมีอยู่มากมาย เช่น วิตามินช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด


วิตามินแบ่งได้เป็น 2  ประเภทคือ

    1. วิตามินที่ละลายในน้ำได้ ได้แก่ วิตามินซี,บี
   2. วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ,ดี, อี, เค

วิตามินแต่ละตัวมีประโยชน์และความจำเป็นอย่างไร

วิตามินที่สามารถละลายในน้ำได้
      
                   วิตามินซี มี ความจำเป็นกับร่างกาย ช่วยเส่ริมสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ รักษาบาดแผล สร้างภูมิคุ้มกันโรค หากได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ปลอดจากโรคเครียด ช่วยให้ผิวสดใส ไม่หมองคล้ำ รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินได้จากอะไรบ้าง เช่น คะน้า ผักโขม มะเขือเทศ สับปะรด มะนาว มะขาม สะเดา มะขามป้อม ส้ม พริก เป็นต้น
        

               วิตามินบี ที่สำคัญมี 5 ชนิด คือ
      
                  วิตามินบี 1 มี ประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหารป้องกันการท้องอืด ยังช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายอีกด้วย ได้จากอาหารจำพวกข้าวซ้อมมือ ตับ เนื้อหมู ไข่แดง ยีสต์ และถั่วต่าง ๆ
                   วิตามินบี 2 มี ประโยชน์ต่อร่างกาย การทำงานของระบบประสาทตา ช่วยในการทำงานของระบบหายใจ และช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสอีกด้วย อาการบางอย่าง ที่ชี้ว่าคุณกำลังขาดวิตามินบี 2 อยู่ เช่น ลิ้นของคุณมีอาการบวมแดง,เจ็บที่มุมปาก เกิดรอยแผลที่เรียกว่า ปากนกกระจอก สามารถได้รับการทานอาหารจำพวก ไข่ ถั่วต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและยีสต์
                  วิตามินบี 5  ประโยชน์ ที่มีต่อร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบผิวหนัง ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร และระบบหายใจ อาการที่บ่งบอกว่า ขาดวิตามินบี 5 อยู่ เช่น อาการความจำเสื่อม ไม่กระตือรือร้นในชีวิต ที่เรียกว่าเชื่องช้า ซึ่งเป็นผลมาจากระบบสมองนั้นทำงานเหนื่อย  สังเกตุได้อีกอย่างคือ อาการของการเบื่ออาหาร  ถ้าขาดวิตามินนี้มากผิวหนังขึ้นผื่นแดง และทำให้สีผิวคล้ำได้ในที่สุด สามารถได้รับการรับประทานอาหารจำพวก ไข่  ถั่วต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและยีสต์
                  วิตามินบี 6 ที่ มีประโยชน์ต่อร่างกายในขบวนการสังเคราะห์ฮีม ส่วนประกอบของฮีโมโกบิน ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์กรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อระบบการทำงานของ ร่างกาย อาการที่ทำให้คุณทราบว่า ขณะนี้กำลังขาดวิตามินบี 6 เช่น อาการเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวกับเม็ดเลือด สังเกตุได้จากผิวหนังที่มีอาการบวมแดง การทำงานที่ต้องใช้สมองคิดมาก ๆ จะช้าลง คุณสามารถรับวิตามินได้จากการทานอาหารจำพวก ไข่ ถั่วต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและยีสต์
                   วิตามินบี 12 ที่ มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น ช่วยในการสังเคราะห์ DNA สร้างเม็ดเลือดแดง ตัวช่วยสังเคราะห์โปรตีนในร่างกาย อาการบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าคุณขาดวิตามินนี้คือ อาการของโรคโลหิตจาง เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ระบบประสาทผิดปกติ สามารถรับวิตามินนี้ได้จากการทานอาหารจำพวก ไข่ ถั่วต่าง ๆ เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและยีสต์

วิตามินที่สามารถละลายในไขมัน


               วิตามิน A เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ในไขมัน มีอยู่ 2 ลักษณะคือ

               เรตินอน พบมากในเนื้อสัตว์ ประโยชน์นั้นช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของสายตา
               เบตาคาโรทีน พบ มากในผัก ผลไม้ ที่มีสีเข้มส้มเหลืองแดงจัด เช่น คะน้า ฟักทอง แครอท เบตาคาโรทีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว เอนไซม์ คาโรติเนส ทำการดัดแปลงจากเบตาคาโรทีนให้กลายเป็นวิตามินเอ พบว่าประโยชน์เบตาคาโรทีนสามารถยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ด้านความสวยงาม ขาดสารจำพวกวิตามินเอจะส่งผลทำให้ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่ง ช่วยบำรุงผิว ร้ายแรงอาจถึงขั้นเหยื่อบุผิวหนังอักเสบได้ ระบบการทำงานของดวงตาก็จะมีปัญหาตามมาเช่นกัน หากทานมากไปมีผลทำให้ตัว เหลืองได้
              วิตามิน D นี้ หาได้ทั่วไป แค่คุณออกมายืนรับแสงแดดอ่อน ช่วง 6.00-7.40 น ช่วงเย็นประมาณ 16.00- 17.00 น.ช่วงเวลาดังกล่าวแสงแดดจะให้วิตามินดีกับร่างกาย หากพ้นช่วงนี้ไปแล้ว แสงแดดจะให้โทษกับผิวหนังมากกว่าให้คุณ นอกจากวิตามินดีจากแสงแดดแล้ว สามารถรับวิตามินดีได้จากอาหารต่าง ๆ เช่น น้ำมันตับปลา นม เนย ไข่แดง ประโยชน์ที่จะได้รับจากวิตามินดี คือ ช่วยการทำงานของซีเทรทในเลือด กระดูก ลำไส้เล็ก หัวใจ และไต ให้โครงสร้างของกระดูกและฟันแข็งแรง ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส อาการบางอย่างที่แสดงว่ากำลังขาดวิตามินคือ ในช่วงเด็กเล็กมีอาการของกระดูกผิดรูป หากเป็นผู้ใหญ่จะปวดตามข้อกระดูก เป็นต้น
              วิตามิน E  ช่วย เกี่ยวกับเรื่องของผิวพรรณ ประโยชน์ของวิตามินอี คือ ช่วยป้องกันการแตกของเยื้อหุ้มเซลล์ อาการที่ทำให้คุณรู้ว่ากำลังขาดวิตามินอีอย่างรุนแรงคืน อาการปวดเมื่อยกล้ามเนี้อ กล้ามเนื้อลีบ โรคของโลหิตจาง เป็นต้น วิตามินอีนั้นมีอยู่มากในอาหารจำพวก น้ำมันรำ นม เนย ตับ น้ำมันถั่วเหลือง กระหล่ำดอก เป็นต้น
              วิตามิน K  คุณ ประโยชน์ คือ ช่วยในการแข็งตัวของเลือด อาการที่บ่งบอกว่ากำลังขาดวิตามินเค อยู่คือ เวลามีบาดแผลเลือดออกจะหยุดยากเพราะไม่มีวิตามินเคที่เป็นเกล็ดเลือดช่วย ห้ามเลือด สามารถได้รับวิตามินเคจากเนื้อสัตว์ ดอกกระหล่ำ กะหล่ำปลี ไข่แดง ตับ และถั่วต่าง ๆ
              

          การบริโภคที่สำคัญนอกจาก อาหาร ที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อมนุษย์เราแล้วจะขาดเสียไม่ได้ เพราะหากขาดผลที่ตามมานั้นมากมาย ก็คือ น้ำ

             น้ำ คือ สิ่งสำคัญของร่างกาย  90 %ร่างกายคนประกอบไปด้วยน้ำ ช่วยหล่อเลี้ยงระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยหล่อลื่นสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง แต่ละวันร่างกายเราขับของเสียออกมาเป็นน้ำมาก ในรูปของเหงื่อ การขับถ่ายเราจึงจำเป็นต้องบริโภคน้ำให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อทดแทนส่วนที่สูญเสียไป ผู้ใหญ่ต้องการน้ำวันละ 6-8 แก้วเฉลี่ยประมาณ 3 ลิตร  ที่สำคัญถ้าได้มีการออกกำลังกายคุณควรดื่มน้ำเพิ่มอีก 3 แก้ว  ถ้าเกิดภาวะระดับน้ำในร่างกายที่ต่ำ อาจเกิด อาการ หน้ามือ เป็นลมขึ้นได้ ควรสร้างนิสัยในการดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ต่อวัน และน้ำเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ใช่น้ำอัดลม น้ำหวาน กาแฟ เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ คาเฟอีน เพราะเป็นสิ่งไม่เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย น้ำยังช่วยชำระล้างของเสียออกจากไต ด้วย

 พืชผักสวนครัวหาง่าย


ขิง รสหวานเผ็ดร้อนจะช่วยขับเสมหะ โดยนำเอาส่วนเหง้าขิงแก่ฝนกับน้ำมะนาว หรือใช้เหง้าขิงสดตำผสมน้ำเล็กน้อย คั้นเอาน้ำและเติม เกลือนิดหน่อย ใช้กวาดคอ หรือจิบบ่อยๆ หรือใช้ขิงแก่สดขนาดเท่าหัวแม่มือ ทุบให้แตกต้มกับน้ำให้เดือด จิบเวลาไอ

ดีปลี รสเผ็ดร้อนมีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ ใช้ผลแก่ของดีปลีประมาณ 1/2-1 ผล ฝนกับน้ำมะนาว เติมเกลือนิดหน่อย กวาดลิ้นหรือจิบ บ่อยๆ

 เพกา เมล็ดเพกาเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งใน "น้ำจับเลี้ยง" ของคนจีน ใช้ดื่มแก้ร้อนใน เมล็ดเพกามีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ และขับ เสมหะ โดยใช้เมล็ดเพกาประมาณ 1/2-1 กำมือ (หนัก 1.5-3 กรัม) ต้มกับน้ำประมาณ 300 มิลลิลิตร ตั้งไฟอ่อนๆ ต้มให้เดือดนานประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้ดื่มเป็นยาวันละ 3 ครั้ง
มะขามป้อม ผลสดของมะขามป้อม มีรสเปรี้ยวอมฝาด มีสรรพคุณรักษาอาการไอ ช่วยขับเสมหะ โดยใช้เนื้อผลแก่สด 2-3 ผล โขลกให้แหลก เหยาะเกลือเล็กน้อย ใช้อมหรือเคี้ยววันละ 3-4 ครั้ง
มะขาม รสเปรี้ยวของมะขาม สามารถกัดเสมหะให้ละลายได้ เมื่อมีอาการไอ ระคายคอจากเสมหะ ให้ใช้เนื้อในฝักแก่ของมะขามเปรี้ยว หรือมะขามเปียก (ที่มีรสเปรี้ยว) จิ้มเกลือกินพอสมควร หรืออาจคั้นเป็นน้ำมะขามเหยาะเกลือเล็กน้อย ใช้จิบบ่อยๆ ก็ได้

มะนาว รสเปรี้ยวของน้ำมะนาว มีสรรพคุณแก้อาการไอ และขับเสมหะ โดยใช้ผลสดคั้นเอาแต่น้ำ จะได้น้ำมะนาวเข้มข้น และใส่เกลือเล็ก น้อยจิบบ่อยๆ หรือจะทำเป็นน้ำมะนาวใส่เกลือและน้ำตาล ปรุงให้มีรสจัด จิบบ่อยๆ ตลอดวัน หรือหั่นมะนาวขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย จิ้มเกลือ นิดหน่อย ใช้อมบ้างเคี้ยวบ้าง
มะแว้งเครือ รสขมของมะแว้ง มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไอ และกัดเสมหะ โดยใช้ผลแก่สดประมาณ 5-10 ผล โขลกพอแหลก คั้นเอาแต่น้ำ ใส่ เกลือ จิบบ่อยๆ หรือจะใช้ผลสดเคี้ยว แล้วกลืนทั้งน้ำและเนื้อ จนกว่าอาการจะดีขึ้นก็ได้

กิน...รักษาอาการ

การเลือกบริโภคก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการไอได้ แต่ต้องเป็นการกินที่ถูกวิธีและถูกสูตรด้วยนะคะ

1. กินกระเทียมอัดเม็ดครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง

2. กินวิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซีเป็นประจำทุกวัน

3.อมลูกอมรสเมนทอล หรือชนิดอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการชา จะทำให้รู้สึกชุ่มคอ

4.ผสมน้ำส้มไซเดอร์ 1 ส่วน กับน้ำอุ่น 3 ส่วน เอาผ้าขนหนูชุบน้ำดังกล่าว แล้วพันรอบคอไว้ จะช่วยขับเสมหะ



บำบัดอาการด้วยน้ำมันหอม

น้ำมันหอมสำหรับบำบัดอาการไอ แต่ละกลิ่นก็เหมาะกับแต่ละคน ที่มีธาตุเจ้าเรือนต่างกันดังนี้ค่ะ

ธาตุเจ้าเรือนดิน ใช้ไพล ไม้จันทน์ มะลิ

ธาตุเจ้าเรือนน้ำ ใช้โหระพา กำยาน มะลิ

ธาตุเจ้าเรือนลม ใช้โหระพา เปปเปอร์มิ้นต์

ธาตุเจ้าเรือนไฟ ใช้โรสแมรี่ พิมเสน การบูร ทีทรี ยูคาลิปตัส ขิง

ธาตุเจ้าเรือนเป็นกลาง ใช้กุหลาบ


วิธีบำบัด

1.ใช้สูดดมโดยตรง หรือใช้หยดในน้ำร้อนแล้วสูดดม

2.ผสมน้ำมันหอมระเหย วาสลีน และขี้ผึ้งเข้าด้วยกัน แล้วทาที่บริเวณหน้าอก

3.หาก คัดจมูกมากจนหายใจไม่ออก บางทีการสูดดมอาจไม่ค่อยได้ผล ให้ใช้นิ้วถูข้างจมูกทั้งสองข้างให้ร้อน สั่งน้ำมูกออก แล้ว ค่อยสูดดมใหม่ หรือใช้การทานวดจะได้ผลมากกว่า

4.นำยูคาลิปตัส เปปเปอร์มิ้นต์ ลาเวนเดอร์ และไพล ผสมในอัตราส่วนเท่าๆ กัน ใช้สูดดมสูตรนี้ทำให้น้ำมูกลดลงทันที หายใจ สะดวกขึ้น

5.นำยูคาลิปตัส ไธม์ สน ไซเปรส และแซนดัลวูด ชนิดละ 2-3 หยด หยดลงในอ่างน้ำร้อน แล้วสูดดมไอน้ำประมาณ 10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าอาการไอจะหายไป

6.ถ้าต้องการแก้อาการวิงเวียนหน้ามืด ให้เติมการบูร หรือพิมเสน ลงไปเล็กน้อยตามสูตรจากข้อ 4 หรืออาจทำเป็นยาดมพกติดตัว ไว้ เวลาเดินทางไกลๆ หากบังเอิญว่ามีใครไอ จาม ก็หยิบขึ้นมาดมป้องกันการติดเชื้อได้ค่ะ

นิตยสารชีวจิต159

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น