วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ข้าวเกรียบปากหม้อ


 


ข้าวเกรียบปากหม้อ

ส่วนผสมแป้ง
1. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
2. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
3. แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำเปล่า 3 ถ้วย

วิธีทำแป้ง
เมื่อเตรียมส่วนผสมดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ก็มาเริ่มทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อกันเลย ซึ่งวิธีทำ ให้นำทั้งแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อม ซึ่งได้เตรียมไว้เทผสมกันลงไป แล้วค่อยๆเทน้ำลงไป นวดแป้งไปเรื่อยๆ จนกว่าแป้งจะเหนียว เท่านี้ก็ได้แป้งสำหรับทำข้าวเกรียบปากหม้อแล้ว 

ส่วนผสมไส้
1. เนื้อหมู สับให้ละเอียด 2 ขีด
2. ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ 3 ขีด
3.ไชโป๊วสับละเอียด 3 ขีด
4. หอมแดง 10 หัว (นำมาสับละเอียด)
5. น้ำตาลปี๊บ 1 ขีด
6. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไส้
1. ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน และนำหมูสับละเอียดที่เตรียมไว้ไปผัดให้สุก
2. ใส่หอมแดง กับไชโป๊ว ที่ได้เตรียมไว้ลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน
3. เมื่อเข้ากันดีแล้ว ให้เทน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ซึ่งจะทำให้มีรสชาติออกหวานเค็ม โดยอาจปรับปริมาณน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาได้ เพื่อให้ได้รสชาติที่ท่านต้องการ
4. ใส่ถัวลิสงคั่วบดหยาบลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วใช้ไฟอ่อนๆ ผัดไปเรื่อยๆ จนไส้จับตัวเป็นก้อนเดียวกั

วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ
1. นำผ้าขาวบางมาแช่น้ำจนผ้าอิ่มน้ำ แล้วนำมาผูกไว้กับปากของหม้อนึ่ง แล้วนำมาตั้งไฟให้น้ำเดือด
2. เทแป้งที่ได้เตรียมไว้ลงไป 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้ทัพพีเกลี่ยแป้งให้ทั่วผ้าขาวเป็นแผ่นบาง หลังจากนั้นให้ปิดฝาไว้รอแป้งสุก
3. เมื่อแป้งสุกแล้ว (สังเกตได้จากสีจะใสๆ) ก็ให้ใส่ไส้ลงไป (วางลงไปตรงกลาง)
4. หลังจากใส่ไส้แล้ว ให้ปาดแป้งมาคลุมใส้ให้มิด เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมตักใส่จานเสิร์ฟกับเครื่องเคียงชนิดต่างๆตามชอบ

ข้าวเหนียวเปียกลำไย



ข้าวเหนียวเปียกลำไย

ส่วนผสม
- ข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- ลำไยสดแกะเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย (หรือตามชอบ)
- หัวกะทิ 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย ครึ่งถ้วย
- เกลือป่น พอประมาณ
- ใบเตยตัดเป็นท่อนๆ 1-2 ใบ

วิธีทำ
-เริ่มที่การต้มข้าวเหนียว โดยใช้ไฟอ่อนปานกลาง ใส่น้ำสะอาดลงในหม้อให้ท่วมข้าวเหนียวขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว ค่อยๆ คนไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ และระวังไม่ให้ข้าวข้นหรือแฉะเกินไป ใส่ใบเตยลงไปด้วยเพื่อความหอม แนะนำว่าถ้าใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูก็จะดีไม่น้อย เพราะเม็ดข้าวจะบานสวย แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ข้าวเหนียวธรรมดาทั่วๆไปได้
-ระหว่างนั้นก็หันมาคั้นน้ำกะทิที่ใช้โรยหน้า โดยผสมเกลือป่นให้มีรสเค็มนิดๆ แต่ถ้าไม่มีเวลาคั้นกะทิสดเองจะเลือกใช้กะทิกระป๋องก็ได้ พอข้าวเหนียวสุก เม็ดจะเริ่มบานก็ใส่น้ำตาลทรายลงไป ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมรสชาติความหวานตามความพอใจ คนข้าวต่อไปอีกสักพัก แล้วจึงใส่เนื้อลำไย เมื่อสุกได้ที่ยกลงจากเตาได้เลย
-แค่นี้ก็ได้ข้าวเหนียวเปียกลำไย ราดด้วยน้ำกะทิสด หอมกรุ่น น่ากิน แต่ถ้าอยากจะเพิ่มสีสันและรสชาติให้มีมากขึ้น อาจจะใส่เผือก แห้ว ข้าวโพด ลูกเดือย ลำไยแห้ง ลงไปด้วยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

ลูกชุบ



ลูกชุบ

ส่วนผสม
* ถั่วเขียว 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร
(อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),
จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน
(สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม
(สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)

วิธีทำ
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด
5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
6. ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
7. นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
8. นำลูกชุบออกจากไม้จิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จานเสิร์ฟเป็นของว่างได้ทันที

ลอดช่องสิงคโปร์



ลอดช่องสิงคโปร์

ส่วนผสม
1. แป้งมันสำปะหลัง 1 ถุง (ถุงเล็ก)
2. น้ำต้มเดือด (ใส่ภาชนะตั้งไฟให้เดือดหรือใช้น้ำร้อนในกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าก็ได้เช่นกัน)
3. น้ำตาลทราย 500 ก.
4. น้ำกะทิ 600 กรัม
5. นมสด 1 กระป๋อง
6. เกลือป่น 2 ช้อนชา
7. ขนุนสุก 300 กรัม
8. สีดอกอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
9. สีของใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ
10. ใบเตย 3-5 ใบ
11. น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำเชื่อม 500 กรัม
12. น้ำแข็งบด

วิธีทำ
1.แบ่งแป้งมันออกไว้ 1 ถ้วยตวงแล้วนำส่วนที่เหลือใส่ภาชนะเทน้ำร้อนใส่ลงในแป้งทีละน้อยแล้วค่อยๆนวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน จากนั้นแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆปิดคลุมแป้งไว้
2.นำแป้งส่วนที่ 1 มาผสมกับสีดอกอัญชันที่คั้นน้ำเอาไว้แล้วนวดให้เนื้อแป้งเนียน โดยใช้แป้งมันส่วนที่แบ่งไว้แตะที่มือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้แป้งติดมือ เมื่อนวดจนแป้งเนียนแล้วจะได้เนื้อแป้งสีม่วงอ่อนๆ แล้วนำแป้งส่วนที่เหลืออีก 2 ส่วนมานวดโดยใช้วิธีเดียวกัน จะทำให้ได้แป้ง 3 สี คือสีม่วง สีเขียว และสีขาว
2.จากนั้นนำแป้งแต่ละสีมาแบ่งคลึงให้เป็นแผ่นบางๆแล้วตัดให้เป็นเส้นๆ ถ้าเส้นติดกันให้ใช้แป้งมันที่แบ่งไว้โรยบางๆ ทำให้หมดทั้ง 3 สี
3.นำภาชนะหรือหม้อใส่น้ำแล้วนำไปต้มให้เดือด นำแป้งที่ตัดไว้ลงต้ม (แบ่งต้มทีละน้อย) เมื่อแป้งลอยตัวและพองให้ตักใส่ในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ แล้วเทใส่กระชอนหรือภาชนะกรองให้สะเด็ดน้ำ

วิธีทำน้ำเชื่อม
นำน้ำตาลทรายเทใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ ก่อนเติมน้ำให้คั่วน้ำตาลทรายประมาณ 3-5 นาที แล้วเติม
น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ ตัดใบเตยเป็นท่อนยาวๆใส่ลงไป เคี่ยวไฟอ่อนๆ จนน้ำเชื่อมข้นและเหนียว วิธีนี้จะทำให้ได้น้ำเชื่อมสีสวยและมีกลิ่นหอมของใบเตย

วิธีทำน้ำกะทิ
เคล็ดลับที่ไม่ทำให้กะทิบูดง่าย ขั้นตอนแรกควรซื้อมะพร้าวแบบที่ขูดไว้แต่ยังไม่ได้คั้นน้ำ นำมาใส่เครื่องปั่นแล้วกรองเอาแต่น้ำให้ได้ประมาณ 500 กรัม จากนั้นใส่เกลือป่นแล้วนำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวไฟอ่อนๆคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน

วิธีเสิร์ฟ
1.นำเส้นลอดช่องที่พักไว้มาใส่ลงในน้ำกะทิ
2.เติมนมสดลงไป แล้วคนเบาๆให้เข้ากัน ทั้งน้ำกะทิและนมสด
3.ตักลอดช่องใส่ถ้วย ใส่ขนุน(หรือผลไม้ชนิดอื่นๆตามชอบ)หั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงไป จากนั้นเติมน้ำเชื่อมและน้ำแข็งบด เป็นอันเสร็จสรรพพร้อมรับประทาน


ขนมชั้นใบเตย



ขนมชั้นใบเตย

ส่วนผสม
- แป้งเท้ายายม่อม 1 1/2 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
- แป้งมัน 1/2 ถ้วย
- กะทิ (มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม) 4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
- น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วย
- น้ำใบเตยคั้นข้น ๆ 1/2 ถ้วย
- ถาดสี่เหลี่ยม ขนาด 10 นิ้วx10 นิ้ว

วิธีทำ
1. ผสมน้ำตาลกับกะทิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟกลางเมื่อเดือดยกลง ทิ้งให้เย็น ช้อนเอาหัวกะทิที่ลอยหน้าเก็บไว้สำหรับนวดแป้ง
2. ใส่แป้งเท้ายายม่อม แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ลงในชามผสม ใส่หัวกะทิที่ช้อนไว้นวดจนแป้งรวมตัวเป็นก้อน จึงหยุดใส่หัวกะทิ แล้วนวดนาน 15 นาที ค่อยๆใส่กะทิจนหมด กรองด้วยผ้าขาวบาง แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน
3. นำแป้งส่วนที่ 1 ใส่น้ำลอยดอกมะลิ คนให้เข้ากัน แป้งส่วนที่ 2 ใส่น้ำใบเตยคนให้เข้ากัน
4. นึ่งถาดให้ร้อน ใส่แป้งลงในถาด โดยใส่สีขาวก่อน สลับกับแป้งสีเขียวใบเตยจนหมด นึ่งแต่ละขั้น 3-5 นาที ให้แป้งสุกใสก่อนจึงใส่แป้งชั้นต่อไปจบด้วยแป้งสีเขียว ชั้นสุดท้ายให้ใส่สีเขียวเพิ่มเล็กน้อย

เคล็ดลับ
-ถ้าต้องการทำขนมชั้นดอกกุหลาบ ทำได้โดยตัดขนมชั้นเป็นเส้นยาวขนาด 1 นิ้ว x 7 นิ้ว แล้วมวนพับเป็นกลีบวนไปจบเป็นดอก
-การกรองส่วนผสมแป้งด้วยผ้าขาวบางต้องใช้มือบีบ ออกให้หมดเพราะแป้งจะติดอยู่กับผ้าขาวบาง จะทำให้แป้งไม่ได้ตามอัตราส่วน
-ถ้าต้องการให้ขนมชั้นมีกลิ่นหอมควันเทียนทำได้ 2 วิธี ดังนี้
*อบแป้งไว้ล่วงหน้าหนึ่งคืน
*อบน้ำกะทิที่เคี่ยวกับน้ำตาลแล้ว
*ขนมชั้นถ้าอบควันเทียนแล้วไม่ควรใส่น้ำใบเตยเพราะกลิ่นจะปนกัน ให้ใส่น้ำแล้วหยดสีผสมอาหารที่ต้องการแทน

ขนมใส่ไส้



ขนมใส่ไส้

ส่วนผสม
-มะพร้าวขูดขาว 2 1/2 ถ้วย
-น้ำตาลมะพร้าว 1 1/2 ถ้วย
-น้ำต้มสุก
-เทียนอบ (สำหรับอบควันเทียน ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ตามความชอบ)
-แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
-น้ำเย็น 1/3 ถ้วย (หรือน้ำใบเตย, น้ำอัญชันแช่เย็น หากต้องการเพิ่มสีสัน)
-แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
-เกลือป่น 2 ช้อนชา
-หัวกะทิ 3 1/3 ถ้วย

อุปกรณ์สำหรับห่อขนม
-ใบตอง
-ใบมะพร้าว
-ไม้กลัด

วิธีเตรียมใบตอง
- ตัดใบตองเป็น 2 ขนาด แผ่นใหญ่ขนาดประมาณ 5X9 เซนติเมตร และแผ่นเล็กขนาดประมาณ 4X6 เซนติเมตร แล้วตัดหัว-ท้ายเป็นสามเหลี่ยม เช็ดให้สะอาดทั้ง 2 ด้าน นำไปตากแดดทิ้งไว้สักครู่ (เพื่อไม่ให้ใบตองแตกขณะห่อขนม)

วิธีทำไส้
- กวนมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าว และน้ำต้มสุก ในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ จนส่วนผสมเหนียวและแห้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
- พอส่วนผสมเย็นสนิทแล้ว ปั้นเป็นก้อนกลมๆประมาณ 1 นิ้ว ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด
- นำส่วนผสมไส้ไปอบด้วยควันเทียน เตรียมไว้

วิธีทำแป้ง
- นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเย็นจนพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเดียวกับไส้ เตรียมไว้

วิธีทำหน้าขนม
- ผสมแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น และกะทิ คนให้ละลายเข้าด้วยกัน เทใส่ในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอน) ใช้ไฟปานกลางกวนจนข้นและเดือดทั่ว ยกลงจากเตา เตรียมไว้

วิธีทำขนมใส่ไส้แบบห่อใบตอง
1.แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบางๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้วางลงไปตรงกลาง แล้วหุ้มแป้งให้มิด วางขนมลงบนใบตองที่ซ้อนกัน
2.หงายใบตองแผ่นใหญ่ขึ้น (ด้านนวล) แล้ววางทับด้วยใบตองแผ่นเล็ก วางขนมลงไป จากนั้นตักหน้าขนมประมาณ 1/2 ช้อนชา ใส่ด้านบนขนม
3.ห่อใบตองเป็นทรงสูง ใช้ใบมะพร้าวที่เตรียมไว้ คาดและกลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย ตัดปลายเตี่ยวให้เฉียงและยาวพองาม วางเรียงห่อขนมลงในชุดนึ่ง
4.นำขนมไปนึ่งในชุดนึ่ง ที่มีน้ำเดือดพล่านประมาณ 15 นาที ยกลงจากเตา เป็นอันเสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟ

วิธีทำขนมใส่ไส้สูตรประยุกต์แบบไม่ห่อใบตอง
1.ตักส่วนผสมหน้ากะทิ ใส่ลงในถ้วยขนาดเล็ก (หรือพิมพ์พลาสติก) ประมาณ 1/2 ของพิมพ์ เตรียมไว้
2.แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบางๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) หยิบไส้วางลงไปตรงกลาง แล้วหุ้มแป้งให้มิด จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด จนลอยขึ้นมา ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปใส่จาน เตรียมไว้
3.ค่อยๆนำขนมวางลงในพิมพ์อย่างเบามือ ให้สวยงาม เป็นอันเสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟ

วุ้นกุหลาบแก้ว


วุ้นกุหลาบแก้ว

-สูตรนี้ได้ดอกกุหลาบประมาณ 48 ดอก
-ส่วนของวุ้นกะทิด้านใน ใช้พิมพ์ดอกกุหลาบขนาด 3 ซม.

ส่วนผสม
- น้ำกะทิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- ผงวุ้น 1ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
- นำน้ำกะทิ และน้ำเปล่าเทรวมกัน ใส่ผงวุ้นลงไปแช่ไว้ประมาณ15นาที เสร็จแล้วยกตั้งไฟใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่น ที่สำคัญต้องคนไปในทิศทางเดียวกัน เพราะวุ้นจะได้ไม่เป็นฟองอากาศ พอน้ำเดือด หรือผงวุ้นละลายหมดแล้ว ก็ปิดไฟ ผสมสีที่ต้องการ แล้วเทใส่พิมพ์ดอกกุหลาบขนาด 3 ซม. แช่ตู้เย็นสักพัก แล้วมาเตรียมส่วนของวุ้นใสด้านนอก

ส่วนผสมวุ้นใสด้านนอก
- ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ
- เอาวุ้นเทใส่น้ำแล้วแช่ไว้ 15นาที ถ้าอยากให้เร็ว ควรแช่ไว้ตอนทำวุ้นกะทิด้านใน จากนั้นนำมาต้มให้เดือด ให้วุ้นละลายจนหมด คนไปทิศทางเดียวกัน
พอวุ้นละลายหมดแล้ว ค่อยใส่น้ำตาล คนให้น้ำตาลละลายแล้วรีบปิดไฟเพราะถ้ากวนน้ำตาลนาน สีวุ้นที่ได้จะไม่ใส เสร็จแล้วยกลงพักทิ้งไว้
-แกะวุ้นกะทิออกจากพิมพ์ มาวางไว้ในพิมพ์ดอกกุหลาบขนาด 5 ซม. แล้วเทวุ้นใสลงไป ตอนเทวุ้น ขยับวุ้นกะทิด้านในนิดนึง เพื่อให้ตัววุ้นใสซึมไปทั่วทุกจุด จะตั้งทิ้งไว้หรือใส่ตู้เย็นให้วุ้นแข็งตัวก็ได้ พอวุ้นแข็งตัวดีแล้ว แกะออกจากพิมพ์ จัดลงจานพร้อมเสิร์ฟได้เลย


ขนมครก



ขนมครก

สูตร 1
ส่วนผสมแป้ง
- แป้งข้าวเจ้า 2 1/2 ถ้วยตวง
- ข้าวหอมมะลิหุงสุก 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 1/2 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วย
- หางกะทิ 1 1/2 ถ้วย
- เกลือ 2 ช้อนชา

วิธีทำแป้งขนมครก
- ขั้นตอนแรก เราจะมาเริ่มที่การทำตัวแป้งกันก่อน โดยเราจะใช้เครื่องปั่นในการผสมแป้งเข้าด้วยกัน โดยให้เรานำส่วนผสมการทำแป้งขนมครก เทรวมกันลงในเครื่องปั่นและปั่นให้เข้ากัน (ที่เราต้องใช้เครื่องปั่นนั้นก็เพื่อให้ตัวข้าวสวยนั้นละเอียดและเข้ากันกับแป้งนั่งเอง)
เมื่อปั่นเข้ากันได้ที่แล้วให้ตั้งพักไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้แป้งเข้ากันได้ดีและเซ็ตตัว

การทำน้ำปูนใส
- ให้เราใช้ปูนแดงที่ใช้สำหรับกินหมาก ลงไปละลายกับน้ำ และคนให้ละลาย ทิ้งไว้ 1 คืน หลังจากนั้นจะตกตะกอน ให้ช้อนเอาแต่น้ำใสๆ ที่อยู่ด้านบนมาใช้ในการผสมแป้ง

ส่วนผสมหน้าขนมครก
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- หางกะทิ 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- เกลือ 2 ช้อนชา

หน้าโรยขนมครก
- ต้นหอมซอย/ข้าวโพด/ฟักทอง/เผือก
หรืออื่นๆตามชอบ

วิธีทำหน้าขนมครก
- ให้นำส่วนผสมต่างๆ คือ หัวกะทิ หางกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือ เทลงมาผสมและคนให้เข้ากัน

วิธีหยอดขนมครก
- สามารถประยุกต์ใช้กาน้ำ ในการหยอดแป้งและหยอดหน้าได้ เคล็ดลับมีอยู่ว่า ให้คนเนื้อแป้งให้เข้ากันเสมอ อย่าวางให้ตกตะกอน
- เมื่อหยอดแป้งแล้ว ให้รอสักครู่ ปิดฝาไว้ประมาณ 3-5 นาที และเปิดดู เมื่อเห็นว่าแป้งเริ่มร่อนแล้ว จึงหน้าขนมลงไป ทิ้งไว้ไม่เกิน 2 นาที
- ให้โรยหน้าลงไปและปิดฝาอีกครั้ง พอหน้าขนมเริ่มแห้ง จึงแคะออกจากเบ้าขนม จัดใส่จาน พร้อมรับประทาน

หมายเหตุ
- หน้าขนมที่โรยลงไป จะมีระยะเวลาสุกไม่เท่ากัน โดยทั่วไปแล้ว มักจะทำให้หน้าที่โรยลงไปสุกเสียก่อน เช่น ข้าวโพดก็จะเป็นข้าวโพดสุก หรือฟักทอง ก็จะเป็นฟักทองที่สุกอยู่แล้ว จะมีเพียงไม่กี่หน้า ที่สามารถโรยได้เลย เช่น ต้นหอม เป็นต้น

.............................................................

ขนมครก

สูตร 2
ส่วนผสมแป้ง
- แป้งข้าวเจ้า 1+1/2 ถ้วยตวง
- แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง
- แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
- กะทิกระป๋อง ขนาด 400 ml 1 กระป๋อง
- เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อนจัดๆ 1 1/3 ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 2/3 ถ้วยตวง

วิธีทำแป้งขนมครก
- ผสมแป้งทั้งหมด รวมทั้งเกลือและน้ำตาลให้เข้ากัน ค่อยๆเทกะทิลงนวดแป้งให้เข้ากัน อย่าพึ่งเทหมดกระป๋อง นวดจนกะว่าเกลือและน้ำตาลละลาย เติมกะทิที่เหลือคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นค่อยๆเทน้ำร้อนจัดใส่ และคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมน้ำปูนใส คนต่อสักพักให้ทั่ว และพักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง

การทำน้ำปูนใส
- ให้เราใช้ปูนแดงที่ใช้สำหรับกินหมาก ลงไปละลายกับน้ำ และคนให้ละลาย ทิ้งไว้ 1 คืน หลังจากนั้นจะตกตะกอน ให้ช้อนเอาแต่น้ำใสๆ ที่อยู่ด้านบนมาใช้ในการผสมแป้ง

ส่วนผสมหน้าขนมครก
- กะทิกระป๋อง 1 กระป๋อง ขนาด 400 ml
- เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ (สำหรับละลายแป้ง)

หน้าโรยขนมครก
- ต้นหอมซอย/ข้าวโพด/ฟักทอง/เผือก
หรืออื่นๆตามชอบ

วิธีทำหน้าขนมครก
- ละลายแป้งข้าวโพดในน้ำ พอแป้งละลายดีแล้ว ใส่น้ำตาลทราย (แนะนำใส่เริ่มแรก 3 ช้อนโต๊ะก่อน ชิมแล้ว หากรสไม่พอดี จึงค่อยใส่อีก 2 ช้อนโต๊ะ ที่เหลือ)
- จากนั้นเติมเกลือ กะทิ แล้วคนให้เข้ากัน จนน้ำตาลและเกลือละลาย แตะชิมรส หวานๆปนเค็มนิดๆ หรือตามรสที่ชอบ
เพราะแต่ละคนชอบรสหวานมาก หวานน้อยแตกต่างกัน

เคล็ดลับ
- การหยอดขนมครกควรใช้ไฟอ่อนก่อน และทดลองหยอดดูสักชิ้นสองชิ้น เพื่อเช็คความร้อนของเตาและเบ้าขนมครก
- ก่อนหยอดให้ใช้ใบตองฉีกชุปน้ำมัน เช็ดเบ้าขนมครกก่อนทุกครั้ง

ทับทิมกรอบ


ทับทิมกรอบ

ส่วนผสม
* แห้ว หรือ มันแกว 800 กรัม (ล้าง,ปอกเปลือก และหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)
* กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 2 ช้อนชา
* น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
* น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง
* แป้งมัน 500 กรัม
* ขนุนฉีกเป็นเส้น, เมล็ดข้าวโพดสุก, เนื้อมะพร้าวอ่อน (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทำ
1.นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้ว ไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ
2.นำแห้วที่แช่ในน้ำแดง ไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก แล้วจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น
(วิธีสังเกตุ : เวลาสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)
3.เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำ และนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดีแล้ว จึงปิดไฟ
4.นำกะทิและเกลือ ไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อน จนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ
5.นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม, น้ำกะทิ, ขนุนฝอย, ข้าวโพด, เนื้อมะพร้าวอ่อน ตามชอบ

บัวลอยไมโครเวฟ


บัวลอยไมโครเวฟ

          เด็กหอ หรือมนุษย์คอนโดถ้าอยากทำบัวลอยกินเองแต่อุปกรณ์ไม่ครบก็จบเนอะ แต่สำหรับสูตรบัวลอยที่เรายกตัวอย่างมานี้ไม่ต้องใช้หม้อต้มให้วุ่นวาย แค่มีไมโครเวฟก็พอแล้วค่ะ ขอนำเสนอบัวลอยไมโครเวฟ ทุกขั้นตอนทำด้วยไมโครเวฟ เม็ดบัวลอยหลากสีอีกด้วย อยากรู้ว่าทำอย่างไรต้องลองเองค่ะ

ส่วนผสม บัวลอยไมโครเวฟ

          แป้งข้าวเหนียว 350 กรัม
          ฟักทอง (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
          น้ำเปล่า (สำหรับต้มฟักทอง)
          เผือก (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
          น้ำเปล่า (สำหรับต้มเผือก)
          น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 100 มิลลิลิตร
          กะทิสำเร็จรูป 2 ถ้วยตวง
          น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
          เกลือป่น 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำบัวลอยไมโครเวฟ

          1. ใส่ฟักทองลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำเปล่าให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนฟักทองสุก เตรียมไว้

          2. ใส่เผือกลงในถ้วยกระเบื้อง เติมน้ำให้ท่วม จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรงประมาณ 5 นาที จนเผือกสุก เตรียมไว้

          3. แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 3 ส่วน แล้วนำไปผสมกับฟักทองต้มสุก ผสมกับเผือกต้มสุก และผสมกับน้ำใบเตย นวดให้เข้ากันจนแป้งเปลี่ยนสี จากนั้นปั้นแป้งแต่ละสีเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้

          4. ใส่น้ำเปล่าลงในถ้วยกระเบื้องนำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มน้ำจนเดือด นำถ้วยออกจากเตา จากนั้นใส่เม็ดบัวลอยทั้งหมดลงในน้ำเดือดแล้วนำกลับเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ต้มนานประมาณ 5 นาที จนเม็ดบัวลอยสุก และลอยขึ้น นำออกจากเตา ตักบัวลอยพักทิ้งไว้ในน้ำเย็น

          5. คนผสมกะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือเข้าด้วยกัน นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงประมาณ 3-5 นาที นำออกจากเตา เติมเม็ดบัวลอยลงในกะทิ นำกลับเข้าเตา ต้มนานประมาณ 2 นาที นำออกจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยไมโครเวฟ ขนมหวานแบบไทยทำได้ง่าย ๆ

บัวลอยน้ำขิง


 บัวลอยน้ำขิง

          เอาใจคน รักสุขภาพด้วยสูตรบัวลอยน้ำขิงจากคุณ Three days before Valentine's สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใส่น้ำขิงรสชาติเผ็ดร้อน แป้งบัวลอยสอดไส้งาดำ อยากชวนมาอร่อยกับบัวลอยคำโตกันเยอะ ๆ
ส่วนผสม ไส้งาดำ

          น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          งาดำป่น 1 ถ้วย
          เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม

ส่วนผสม แป้งบัวลอย

          แป้งข้าวเหนียว (ตราช้างสามเศียร) 1 ถ้วย
          แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
          น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
          ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย

ส่วนผสม น้ำขิง

          น้ำเปล่า 5 ถ้วย
          ขิงแก่เผาไฟ 3 - 4 ชิ้น
          น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
          เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำบัวลอยน้ำขิง



          1. เริ่มทำไส้ขนม โดยเทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยงาดำป่น

          2. ใส่เนยถั่วตามลงไปค่ะ

          3. คลุกส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ ถ้าไม่ชอบหวาน ลดน้ำตาลได้
          4. ลงมือปั้นเป็นลูกกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้



          5. มาทำแป้งบัวลอยสำหรับห่อขนมค่ะ เทแป้งข้าวเหนียวและแป้งถั่วเขียวลงใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อย ถ้าเรียบร้อยแล้วเราไปต้มน้ำขิงกันต่อเลย


          6. ปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น จะฝานเป็นแผ่น หรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อยแล้วปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ยกลง



          7. ปั้นแป้งกลม ๆ แล้วกดให้แบน ใช้มือแตะผงแป้งข้าวเหนียวเพื่อไม่ให้แป้งปั้นติดมือนะคะ

          8. วางไส้ขนมลงไปตรงกลางแผ่นแป้งห่อให้มิดชิดค่ะ เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก

          9. ห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกกับผงแป้งข้าวเหนียว เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกัน
          10. ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมด อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่


          11. เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ พอน้ำขิงเดือด นำขนมลงต้มทันที เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ



          12. ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยน้ำขิง ของหวานเพื่อสุขภาพร้อน ๆ จ้า