วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ขนมใส่ไส้



ขนมใส่ไส้

ส่วนผสม
-มะพร้าวขูดขาว 2 1/2 ถ้วย
-น้ำตาลมะพร้าว 1 1/2 ถ้วย
-น้ำต้มสุก
-เทียนอบ (สำหรับอบควันเทียน ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ตามความชอบ)
-แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
-น้ำเย็น 1/3 ถ้วย (หรือน้ำใบเตย, น้ำอัญชันแช่เย็น หากต้องการเพิ่มสีสัน)
-แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
-เกลือป่น 2 ช้อนชา
-หัวกะทิ 3 1/3 ถ้วย

อุปกรณ์สำหรับห่อขนม
-ใบตอง
-ใบมะพร้าว
-ไม้กลัด

วิธีเตรียมใบตอง
- ตัดใบตองเป็น 2 ขนาด แผ่นใหญ่ขนาดประมาณ 5X9 เซนติเมตร และแผ่นเล็กขนาดประมาณ 4X6 เซนติเมตร แล้วตัดหัว-ท้ายเป็นสามเหลี่ยม เช็ดให้สะอาดทั้ง 2 ด้าน นำไปตากแดดทิ้งไว้สักครู่ (เพื่อไม่ให้ใบตองแตกขณะห่อขนม)

วิธีทำไส้
- กวนมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าว และน้ำต้มสุก ในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ จนส่วนผสมเหนียวและแห้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
- พอส่วนผสมเย็นสนิทแล้ว ปั้นเป็นก้อนกลมๆประมาณ 1 นิ้ว ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด
- นำส่วนผสมไส้ไปอบด้วยควันเทียน เตรียมไว้

วิธีทำแป้ง
- นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเย็นจนพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเดียวกับไส้ เตรียมไว้

วิธีทำหน้าขนม
- ผสมแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น และกะทิ คนให้ละลายเข้าด้วยกัน เทใส่ในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอน) ใช้ไฟปานกลางกวนจนข้นและเดือดทั่ว ยกลงจากเตา เตรียมไว้

วิธีทำขนมใส่ไส้แบบห่อใบตอง
1.แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบางๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้วางลงไปตรงกลาง แล้วหุ้มแป้งให้มิด วางขนมลงบนใบตองที่ซ้อนกัน
2.หงายใบตองแผ่นใหญ่ขึ้น (ด้านนวล) แล้ววางทับด้วยใบตองแผ่นเล็ก วางขนมลงไป จากนั้นตักหน้าขนมประมาณ 1/2 ช้อนชา ใส่ด้านบนขนม
3.ห่อใบตองเป็นทรงสูง ใช้ใบมะพร้าวที่เตรียมไว้ คาดและกลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย ตัดปลายเตี่ยวให้เฉียงและยาวพองาม วางเรียงห่อขนมลงในชุดนึ่ง
4.นำขนมไปนึ่งในชุดนึ่ง ที่มีน้ำเดือดพล่านประมาณ 15 นาที ยกลงจากเตา เป็นอันเสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟ

วิธีทำขนมใส่ไส้สูตรประยุกต์แบบไม่ห่อใบตอง
1.ตักส่วนผสมหน้ากะทิ ใส่ลงในถ้วยขนาดเล็ก (หรือพิมพ์พลาสติก) ประมาณ 1/2 ของพิมพ์ เตรียมไว้
2.แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบางๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) หยิบไส้วางลงไปตรงกลาง แล้วหุ้มแป้งให้มิด จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือด จนลอยขึ้นมา ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปใส่จาน เตรียมไว้
3.ค่อยๆนำขนมวางลงในพิมพ์อย่างเบามือ ให้สวยงาม เป็นอันเสร็จสรรพ พร้อมเสิร์ฟ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น